วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีขอโทษดีๆ

เคล็ดลับเจ๋ง ๆ วิธีขอโทษดีๆ

ก็เราทำผิดนี่นา ผิดก็ต้องยอมรับผิด ขอโทษเพื่อนซะ แต่แหมการจะขอโทษใคร สักคนมักช่าง ยากเย็นเข็ญใจเสียจริงๆ กว่าจะหลุดคำขอโทษออกจากปากได้คง ต้องหาวิธีช่วยซะแล้ว ขั้นตอนขอโทษ เพื่อนมีดังนี้

1. คิดให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น และเราทำอะไรผิดถึงต้องขอโทษเพื่อน
นั่นนะสิ ลองลำดับเรื่องราวให้ดีว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ทำไมถึง ต้องลงเอยแบบนี้ เรื่องราวร้ายแรงแค่ไหน เราทำอะไรที่ทำให้ต้องผิดใจ กับเพื่อน เมื่อวิเคราะห์แบบเจาะลึกได้แล้ว จะช่วยให้เราขอโทษ ได้ถูกจุดยิ่งขึ้น
2. เขียนลงกระดาษ
เขียนลงไปให้หมดว่าเราต้องขอโทษเพื่อนว่าอย่างไร และเรื่องอะไรบ้าง การกระทำเช่นนี้ จะช่วยให้เราเรียบเรียงความคิดและระงับ ความตื่นเต้น รวมทั้ง ความกลัวต่างๆ ได้

3. เตรียมตัวให้ดี
วิธีเตรียมตัวง่าย ๆ คือ ฝึกซ้อมหน้ากระจก ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง สีหน้าหรือคำพูดคำจาที่เรา เตรียมเอาไว้ ควรซ้อมพูดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายตื่นเต้น ฟังดูอาจจะตลกแต่ว่าวิธีนี้ได้ผลจริง ๆ นะ

4. ชี้ให้ชัด
ข้อนี้สำคัญมาก คำพูดที่เราเตรียมไว้นั้น ต้องกระจ่างแจ้งชัดเจน ตรงประเด็น ว่ากันตรง ๆ ไปเลยว่า เราขอโทษและเสียใจ ในกระทำของเราเพียงใด อย่าใช้คำพูดอ้อมค้อมวกวน เดี๋ยวเพื่อนจะหงุดหงิด ยิ่งกว่าเดิม

5. อย่าแก้ตัว
ห้ามหาข้ออ้างหรือแก้ตัวโดยเด็ดขาด จงยอมรับผิดโดยดุษฎี ไหน ๆ เราก็เป็นฝ่ายผิดและต้องการขอโทษเพื่อน เพราะฉะนั้นอย่าแก้ตัวให้เหตุการณ์ยืดเยื้อบานปลายไปยิ่งกว่านี้ ดีไม่ดีอาจจะทำให้โกรธ กันยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เลยต่อไม่ติด อาจต้องเลิกคบกันไปเลยก็ได้

6. แบ่งปัน
พูดคุย ร่วมแลกเปลี่ยน หรือแบ่งปันความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลิกเลี่ยงการตำหนิติเตียน หรือพูดจาเว่อร์ ๆ หรือพูดสิ่งที่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้

7. ฟังอีกฝ่าย
ฟังหรือยอมรับปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย ซึ่งก็คือ เพื่อนของเรานั่นเอง โดยไม่ป้องกันตัวเอง คือถ้าเพื่อนยังโกรธและระบายออกมา ด้วยการต่อว่าเรา ก็จงเงียบยอมรับฟังเพื่อนบ้าง อย่าลืมว่าเราเป็นคนผิดนะ

8. เสนอตัวเอง
ลองถามเพื่อนสิว่า มีหนทางอะไรที่พอจะแก้ไขได้บ้าง เราจะยอมทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อประสานรอยร้าว และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนดีขึ้น แค่เราเอ่ยปากแบบนี้เพื่อนก็ใจอ่อนขึ้นเยอะแล้ว

เคล็ดลับ คือ ทำใจคิดเสียว่าการขอโทษ คือ การทำให้้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มิใช่การแสดงความเป็นคนอ่อนแอแต่อย่างใด ที่สำคัญต้องซื่อสัตย์ จริงใจ ขอโทษเฉพาะสิ่งที่เรารู้สึกว่า เป็นความรับผิดชอบของเราจริง ๆ อย่าขอโทษพล่อย ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เหตุการณ์ หน้าสิ่วหน้า ขวานผ่านพ้นไปเท่านั้น

เมื่อถึงตอนไปขอโทษก็ควรให้เวลาอีกฝ่ายทำใจบ้าง และควรเข้าใจว่า เขาอาจไม่ยอมรับในตอนแรก เพราะกำลังทำใจอยู่ หากเป็นเช่นนั้น เราอย่าเพิ่งเสียกำลังใจ จงพยายามต่อไป

และในกรณีที่ไม่กล้าเผชิญหน้าเพื่อนจริง ๆ ลองเขียนแสดงความรู้สึกลงกระดาษส่งไปให้เพื่อนก็ได้ ตัวค่อยตามไปทีหลัง จะช่วยสร้างกำลังใจและความกล้าให้เราได้ แต่ไม่ว่าเราจะพยายามหลบเลี่ยงแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเผชิญหน้า เพื่อเอ่ยคำขอโทษ การยืดเวลาให้นานออกไป ยิ่งทำให้เรื่องราวคาราคาซัง รีบ ๆ ขอโทษไปเลยดีกว่า เพื่อนจะได้รู้สึกว่าเรารักและยังแคร์ความรู้สึกของเขาไงละ

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แชมป์ฟุตบอลโลกน้องใหม่


ผลฟุตบอลโลก 2010 รอบชิงชนะเลิศ
เนเธอร์แลนด์ 0-1 สเปน
"อิเนียสตา" นำสเปนซิวแชมป์โลก
"กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นสมัยแรกของประเทศ หลังจากเฉือนเอาชนะ "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ 1-0 จากประตูชัยของ อันเดรส อิเนียสตา มิดฟิลด์จอมเทคนิก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที ของเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามซ็อคเกอร์ ซิตี สเตเดียม ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ อีเกร์ คาซิยาส นายด่านกัปตันทีมเดินนำทัพนักเตะทีมชาติสเปนขึ้นรับถ้วยแชมป์โลกจากมือของ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และมีแฟนบอล "กระทิงดุ" ทั้งในและนอกสนามทั่วโลกร่วมกันฉลองชัยชนะ โดย MGR_SPORT รวบรวมภาพฉลองแชมป์โลกของ สเปน มาฝากแฟนชาวไทยรับชมกัน
ผู้จัดการทีม

บิเซนเต้ เดล บอสเก้
ประวัติผู้จัดการทีม
เกิด 23 ธันวาคม 1950
กุนซือหนวดเฟิ้ม เป็นลูกหม้อของเรอัล มาดริด เข้าสู่สโมสรตั้งแต่เป็นนักเตะฝึกหัดในปี 1964 เขามีโอกาสคุมทีมชั่วคราวในปี 1994 ก่อนกลับไปทำงานในทีมเยาวชนจนถึงปี 1999 ถึงได้รับโอกาสเข้ามากุมบังเหียนเต็มตัว
เดล บอสเก้ สามารถคุมแข้งกาลาคติกอส ยุคแรกที่มี หลุยส์ ฟิโก้ ,ซีเนดีน ซีดาน และโรนัลโด้ คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย ,แชมป์ลา ลีกา 2 สมัย ,แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ,ยูเอฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก ก่อนจะถูกสโมสรปล่อยทิ้งอย่างไม่ใยดีหลังหมดสัญญาในปี 2003 เขาถูกวางตัวให้รับหน้าที่ต่อจาก หลุยส์ อาราโกเนส หลังสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2008
ผู้เล่น
หมายเลข ชื่อ สโมสร ตำแหน่ง
1 อีเกร์ กาซียาส เรอัล มาดริด ผู้รักษาประตู
2 ราอูล อัลบิโอล เรอัล มาดริด กองหลัง
3 เคราร์ด ปิเก้ บาร์เซโลน่า กองหลัง
4 การ์ลอส มาร์เชน่า บาเลนเซีย กองหลัง
5 การ์เลส ปูโยล บาร์เซโลน่า กองหลัง
6 อันเดรส อิเนียสต้า บาร์เซโลน่า กองกลาง
7 ดาบิด บีย่า บาเลนเซีย กองหน้า
8 ชาบี เอร์นานเดซ บาร์เซโลน่า กองกลาง
9 เฟร์นานโด ตอร์เรส ลิเวอร์พูล กองหน้า
14 ชาบี อลอนโซ่ เรอัล มาดริด กองกลาง
10 เชส ฟาเบรกาส อาร์เซน่อล กองกลาง
11 โจน กัปเดบีล่า บียาร์เรอัล กองหลัง
12 บิคตอร์ บัลเดส บาร์เซโลน่า ผู้รักษาประตู
13 ฆวน มานูเอล มาต้า บาเลนเซีย กองกลาง
15 เซร์คิโอ รามอส เรอัล มาดริด กองหลัง
16 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ บาร์เซโลน่า กองกลาง
17 อัลบาโร่ อาร์เบลัว เรอัล มาดริด กองหลัง
18 เปโดร โรดริเกซ บาร์เซโลน่า กองหน้า
19 เฟร์นานโด ยอเรนเต้ แอธเลติก บิลเบา กองหน้า
20 ฆาเบียร์ มาร์ติเนซ แอธเลติก บิลเบา กองกลาง
21 ดาบิด ซิลบา บาเลนเซีย กองกลาง
22 เฆซุส นาบาส เซบีย่า กองกลาง
23 โฆเซ่ เรน่า ลิเวอร์พูล ผู้รักษาประตู
สตาร์ประจำทีม
- ดาบิด บีย่า
- เฟร์นานโด ตอร์เรส
- ชาบี้ เอร์นานเดซ

ใช้ iPad สร้างภาพ 3D แบบโฮโลแกรม


Aircord Labs พัฒนาอุปกรณ์แสดงผลที่มีดีไซน์คล้ายพีระมิดใส สามารถสร้างภาพสามมิติลอยตัว ( 3D Hologram ) ขึ้นภายในได้ โดยใช้ iPad ทำหน้าที่สร้างภาพที่ต้องการ แม้ภาพโฮโลแกรม ที่เห็นจะใช้เทคนิคการสร้างภาพลวงตาแบบหนึ่ง และที่น่าทึ่งมากๆ ก็คือ มันสามารถมองเห็นส่วนต่างๆ ของภาพวัตถุสามมิติที่สร้างขึ้นได้จากแทบทุกมุมโดยไม่ต้องสวมแว่นตาแต่อย่าง ใด

สำหรับขั้นตอนการสร้างภาพ 3D ด้วยจอพีระมิดของ Aircord Labs นี้จะเริ่มต้นจากการสร้างภาพ 3 ภาพขึ้นบนหน้าจอ iPad โดยแต่ละภาพจถูกสะท้อนลงไปยังจอแสดงผล โฮโลแกรม และถูกรวมเป็นภาพวัตถุชิ้นเดียวตรงกลาง ซึ่งนอกจาก ภาพโฮโลแกรม ที่ปรากฎในพีระมิดจะสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ทีมพัฒนายังเพิ่มลูกเล่นในการแสดงผล โดยโต้ตอบกับเสียงผ่านทาง iPad ได้อีกด้วย เล่าให้ฟังอาจจะไม่เห็นภาพความน่าทึ่งของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ แนะนำให้ลองชมคลิป จากลิงค์ข้างล่าง รับรองว่า คุณต้องชอบอย่างแน่นอน
Watch this video on Vimeo. Video created by aircord.

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตำนานโทรฟี่ฟุตบอลโลก จาก 'จูลส์ ริเมต์' ถึง 'ฟีฟ่าเวิลด์คัพ'


ความเป็นมาของถ้วยฟุตบอลโลกที่นับเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะทีมต่างๆต่อสู้เพื่อพิสูจน์ฝีมือและศักดิ์ศรีของประเทศนั้นมีด้วยกันสองรุ่น โดยรุ่นล่าสุดนี้เป็นถ้วยรางวัลที่มีน้ำหนักถึง 4,970 กรัม ทำด้วยทองแท้ 18 กะรัต สูง 36 เซนติเมตร เรียกว่าถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ
ความเป็นมาของถ้วยฟุตบอลโลกที่นับเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะทีมต่างๆต่อสู้เพื่อพิสูจน์ฝีมือและศักดิ์ศรีของประเทศนั้นมีด้วยกันสองรุ่น โดยรุ่นล่าสุดนี้เป็นถ้วยรางวัลที่มีน้ำหนักถึง 4,970 กรัม ทำด้วยทองแท้ 18 กะรัต สูง 36 เซนติเมตร เรียกว่าถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ (FIFA World Cup Trophy) ออกแบบโดยประติมากรรมชาวอิตาเลียน ซิลวิโอ กาซซานิก้า ในปีค.ศ.1971 โดยเส้นของรูปปั้นบิดขึ้นมาจากฐานเป็นรูปนักกีฬาสองคนยืนหันหลังยกโลก ดูมีพลังเคลื่อนไหวในตัวเพื่อเป็นจังหวะแห่งการฉลองชัยชนะ

ถ้วยเวิลด์คัพใบนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในการแข่งขันปีค.ศ.1974 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ และเยอรมนีก็คว้าถ้วยใบนี้สำเร็จครอบครองไว้นาน 4 ปี จากนั้นจึงลงไปอยู่อเมริกาใต้ แล้วกลับขึ้นมายุโรป สลับกัน 2 ทวีป อย่างนี้ในทุก 4 ปี เพราะประเทศที่ได้แชมป์จากเยอรมนีก็คือ อาร์เจนตินา (1978) อิตาลี (1982) เยอรมนี (1990) แล้วก็ล่าสุดคือบราซิล (1994)

แต่ถ้วยฟีฟ่าไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถือว่าถ้วยนี้จะต้องอยู่ถาวรกับฟีฟ่า ผู้ชนะจะได้รับถ้วยจำลองที่ทำจากทองผสม ส่วนที่ฐานซึ่งมีแหวนคาดสองเส้น มีพื้นที่ไว้สลักชื่อผู้ชนะ 17 ช่อง ซึ่งเมื่อถึงปีค.ศ.2038 ชื่อก็จะเต็มช่องเหล่านี้ จากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ฟีฟ่าก็คงต้องปรึกษากัน

สำหรับถ้วยเดิมชื่อถ้วยจูลส์ ริเมต์ ซึ่งเป็นชื่อของประธานฟีฟ่าชาวฝรั่งเศสที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกสำเร็จในปีค.ศ.1930 ถ้วยแรกทำจากเงินและทองหนัก 3.8 กิโลกรัม สูง 38 เซนติเมตร ฐานทำด้วยหินล้ำค่าสีฟ้า หรือไพฑูรย์ (Lapislazule) เป็นรูปเทพธิดาแห่งชัยชนะ (Goddess of Victory) ตรงเหลี่ยม 4 ด้านของฐาน สลักชื่อประเทศที่ได้แชมป์ที่ 9 ราย ชื่อนับตั้งแต่ปี 1930-1970

ถ้วยจูลส์ ริเมต์ หายไปถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปีค.ศ.1966 ช่วงที่อังกฤษได้แชมป์ มีคนมาพบว่าถูกฝังอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยฝีมือการดมหาของเจ้าสุนัขตัวเล็กชื่อพิกเกิ้ลส์ แต่ถ้วยมาหายจริงๆในปีค.ศ.1983 ช่วงบราซิลได้สิทธิ์ครอบครองถ้วยนี้อย่างถาวร หลังจากคว้าแชมป์ 3 สมัยได้สำเร็จ โดยขโมยมือดีฉกจากที่เก็บในนครริโอ เดอจาเนโร

อาจจะไม่วิชาการนัก แต่ช่วงบอลโลกฟีเวอร์ เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ คับ

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คิงส์ตันเพิ่มความปลอดภัยให้ USB ไดรฟ์


จับมือบล็อกมาสเตอร์ นำเสนอยูเอสบีไดรฟ์ที่มีการจัดการข้อมูลยอดเยี่ยมกว่าเดิม ปกป้องข้อมูลในระหว่างการเดินทางได้ง่ายขึ้น หนุนความแข็งแกร่งของตลาดยูเอสบีไดร์ฟ...

นายนาธาน ซู ผู้อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์แฟลชเมมโมรี่ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค บริษัทคิงส์ตัน ดิจิตอล อิงค์ กล่าวว่า คิงส์ตันได้พิจารณาที่จะร่วมมือกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ การจัดการยูเอสบี เนื่องจากลูกค้าของเราได้แสดงความสนใจในระบบการจัดการความปลอดภัยให้กับยู เอสบีมาระยะหนึ่งแล้ว และหลังจากที่ได้พิจารณาบริษัทหลายแห่งในตลาดสาขานี้ คิงส์ตันก็ได้ข้อสรุปว่า บล็อกมาสเตอร์ (BlockMaster) บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการรักษาความปลอดภัยให้กับยูเอสบีไดรฟ์ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยมั่นใจว่าความเป็นหุ้นส่วนในครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์ต่อการแบ่งปัน และพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ยูเอสบีที่มีระบบการจัดการด้านความปลอดภัยขั้นสูง ให้แก่ลูกค้าระดับองค์กรของคิงสตัน

ผอ.ฝ่ายขายฯ บ.คิงสตัน กล่าวต่อว่า บล็อกมาสเตอร์เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านโซลูชั่นการรักษา ความปลอดภัยให้กับยูเอสบี ที่รวมถึงซอฟต์แวร์การจัดการยูเอสบีจากส่วนกลาง ภายใต้ชื่อ SafeConsole โดยจะนำเสนอความสามารถในการจัดการยูเอสบีไดรฟ์จากระยะไกล ให้แก่องค์กรต่างๆ ด้วยการรีเซ็ตรหัสผ่าน การกำหนดค่านโยบายรหัสผ่าน และการตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎ และด้วยความร่วมมือกับบล็อกมาสเตอร์ในครั้งนี้ คิงส์ตันจะสามารถนำเสนอแฟลชไดรฟ์ DataTraveler Vault – Privacy Edition รุ่นที่สามารถจัดการจากส่วนกลางให้แก่ลูกค้าได้ โดยใช้เทคโนโลยีของบล็อกมาสเตอร์ เพื่อการควบคุมยูเอสบีไดรฟ์ได้อย่างสมบูรณ์
นายแดเนียล ออสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทบล็อกมาสเตอร์ กล่าวว่า บล็อกมาสเตอร์ได้พิจารณากลยุทธ์หลายข้อเพื่อขยายเป้าหมายสำหรับ ผลิตภัณฑ์ SafeConsole ในทุกตลาดของเรา และเราก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับของคิงส์ตันที่ว่า การเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้น่าจะเป็นแนวทางที่ให้ผลดี โดยคิงส์ตันอยู่ในรายชื่อในอันดับต้นๆ ของเรา สืบเนื่องจากการมีสถานะที่แข็งแกร่งในระดับโลก บล็อกมาสเตอร์ เชื่อมั่นว่า การร่วมมือกันในการนำเสนอครั้งนี้จะก่อให้เกิดคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ และส่งผลดีต่อตลาด

ซีอีโอ บ.บล็อกมาสเตอร์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากจะทำให้ยูเอสบีไดรฟ์ที่มีการจัดการด้านความปลอดภัยพร้อมสรรพสำหรับ ใช้งานในองค์กรมีจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการผลักดันให้เห็นถึงความตระหนักในเรื่องความปลอดภัยของยูเอสบีไดรฟ์ ในระดับใหม่ นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เนื่องจากพนักงานบริษัทที่เป็นผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะเดินทางมากขึ้น และถ่ายส่งข้อมูลของบริษัทมากขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของเครือข่ายของบริษัท

นายออสเนอร์ กล่าวอีกว่า แผนการในอนาคตที่วางไว้จะรวมถึงการออกแฟลชไดรฟ์ DataTraveler Vault – Privacy Edition ของคิงส์ตันซึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยซอฟต์แวร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ SafeConsole ของบล็อกมาสเตอร์เพื่อเปิดใช้งานไดรฟ์ โดยผลิตภัณฑ์นี้จะสามารถจัดการกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุด ของตลาดได้ เพื่อเป็นการรับรองว่าไดรฟ์จะไม่ทำงานเว้นแต่จะได้รับการจัดการด้านความ ปลอดภัยก่อน สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้จะมีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้

ซีอีโอ บ.บล็อกมาสเตอร์ กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ของบล็อกมาสเตอร์ที่มีวางจำหน่ายอยู่ใน ขณะนี้ เพราะถึงแม้ว่าความร่วมมือกันจะมีการพัฒนาขึ้นในอนาคต แต่บล็อกมาสเตอร์ก็ยังคงเน้นในส่วนของการพัฒนา และการจำหน่ายเทคโนโลยี SafeStick รวมถึงแพลตฟอร์มการจัดการ SafeConsole ของบริษัทอยู่ ขณะที่คิงส์ตันก็จะยังคงมุ่งเน้นต่อไปในด้านการผลิตและการจำหน่ายยูเอสบี ไดรฟ์ที่มีความปลอดภัย ที่เป็นความสามารถหลักของคิงส์ตันในขอบข่ายนี้

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

test

เกร็ดความรู้บอลโลก


1. Vuvuzela แตรวูวูเซล่า
แตรพลาสติกขนาดยาวประมาณหนึ่งเมตร สีสันสดใส ดังที่เห็นในภาพที่มีชื่อว่า วูวูเซล่า (Vuvuzela) อุปกรณ์การเชียร์บอลที่แฟนลูกหนังชาวแอฟริกาใต้ขาดไม่ได้ บ้างก็ว่าเสียงของวูวูเซล่า คล้ายเสียงช้าง บ้างก็ว่าเป็นเสียงฝูงผึ้งแตกรัง คุณสามารถรับฟังเสียงของแตรวูวูเซล่าได้ ที่นี่ วูวูเซล่าได้รับความสนใจจากผู้ชมฟุตบอลรอบคอนเฟดเดอเรชั่นส์ 2009 เป็นอย่างมาก ด้วยเอกลักษณ์ของเสียงที่ทั้งอื้ออึงและดังก้องจนมีเสียงร้องเรียนมาว่า ผู้ชมการถ่ายทอดแทบไม่ได้ยินเสียงพากษ์ ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นถึงกับออกมาเรียกร้องขอให้ FIFA แบนเจ้าแตรวูวูเซล่าเนื่องจากผู้เล่นเสียสมาธิ แต่ FIFA ก็ไม่ได้ออกมาประกาศแบนแตรวูวูเซล่าตามคำเรียกร้องดังกล่าว พร้อมทั้งยังมองในแง่ดีว่าเสียงของวูวูเซล่าเปรียบเสมือนตัวแทนของวัฒนธรรม แอฟริกัน และวัฒนธรรมของกองเชียร์แต่ละชาติล้วนเป็นเอกลักษณ์ หากมองย้อนกลับไปในอดีต การทำเสียงดังกระหึ่มในการเชียร์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ อุปกรณ์อย่าง wooden rattle แผ่นไม้ที่ใช้เขย่าให้เกิดเสียงเมื่อกระทบกัน มีต้นกำเนิดและเป็นที่รู้จักข้างสนามฟุตบอลในประเทศอังกฤษเมื่อต้นศตวรรษที่ ยี่สิบ ก่อนที่จะหมดความนิยมไปในช่วงยุค 60 และถูกแทนที่ด้วยการร้องเพลงข่มขวัญคู่ต่อสู้แทน หรือแม้แต่กระทั่ง thunder sticker แท่งพลาสติกเป่าลมที่ตีให้เกิดเสียง เป็นที่นิยมในยุค 90ในเกาหลี อเมริกาเหนือ ก็เช่นเดียว
ต้นกำเนิดของแตรวูวูเซล่าเชื่อว่ามาจากแตรที่ทำจากเขากวาง Kudu ที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาพื้นเมืองว่า Mhalamhala หรือ icilongo (อาจสะกดเป็น ixilongo ก็ได้) ชาวพื้นเมืองใช้แตรดังกล่าวเป่าเรียกสมาชิกในหมู่บ้านมารวมตัวชุมนุม แต่แตรที่เป็นพลาสติกนั้นเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากแตรของเล่นเด็ก ที่ต่อมามีแฟนบอลนำไปใช้เป่าเพื่อเชียร์ทีมฟุตบอลโปรดของตนจนได้รับความนิยม และใช้เป่ากันต่อๆ มา ไม่ว่าวูวูเซล่าจะมีต้นกำเนิดอย่างไร หรือ อนาคตของมันจะหมดความนิยมไปหรือไม่ แน่นอนว่าผู้ชมจะได้ยินเสียงแตรวูวูเซล่าดังสนั่นสนามฟุตบอลที่ประเทศ แอฟริกาใต้ในช่วงฟุตบอลโลก 2010 อย่างแน่นอน
เกร็ดความรู้นิดหน่อยช่วงบอลโลกคับ